เดลต้า ปลื้มผู้ประกอบการให้ความสนใจเข้าร่วม “กองทุนนางฟ้า” ปีที่ 3 มากกว่า 100 ทีม เตรียมประกาศผลเดือนสิงหาคม สนับสนุนเงินทุนให้เปล่ารวม 4 ล้านบาท เพื่อพัฒนาผู้ประกอบการรายใหม่และกลุ่มสตาร์ทอัพ ผลักดันเศรษฐกิจไทย ให้สอดรับนโยบายของภาครัฐ
นายยงยุทธ ภักตร์ดวงจันทร์ ผู้อำนวยการแผนกบริหารและทรัพยากรบุคคล บริษัทเดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เดลต้า ประเทศไทย จับมือ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อสานต่อโครงการ “กองทุนนางฟ้า” หรือ “Angel Fund for Startup” ซึ่งถือเป็นกองทุนแรกของภาคเอกชนที่ร่วมมือกับกสอ. เพื่อส่งเสริมผู้ประกอบการใหม่และสตาร์ทอัพ (StartUp) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 โดยเป็นการสนับสนุนเงินลงทุนในลักษณะให้เปล่า จำนวน 4 ล้านบาท ภายใต้ 2 แนวคิด คือ 1. Green Solution For Thailand 4.0 การออกแบบผลิตภัณฑ์ หรือนวัตกรรมด้านการบริหารจัดการพลังงาน (Energy Management) นวัตกรรมด้านการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ด้านการบริหารจัดการของเสีย (Waste management) หรือ ด้านอุตสาหกรรมสีเขียว (Green industry) และแนวคิดที่ 2. Advancing Thailand’s Industry with AI Solution การนำนวัตกรรมหรือเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence: AI) เข้ามาใช้ในธุรกิจและสามารถนำมาใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์ที่ก่อให้เกิดรูปแบบทางธุรกิจใหม่ๆ ในอุตสาหกรรม อาทิ อุตสาหกรรมด้านการดูแลสุขภาพ ซึ่งเป็นการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ชีวิตของคน และเทคโนโลยีที่มาคู่กับ AI
“เดลต้าฯ ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของสตาร์ทอัพที่มีการวางแผนทางธุรกิจที่ดี แต่ยังขาดเงินทุนสนับสนุนในการจัดตั้งธุรกิจให้เกิดขึ้น เราจึงร่วมมือกับกสอ. จัดโครงการ “กองทุนนางฟ้า” ขึ้น เพื่อให้ผู้ประกอบการรุ่นใหม่นำเสนอแผนธุรกิจชิงเงินทุนรวมกว่า 4 ล้านบาท พร้อมทั้งองค์ความรู้ด้านการประกอบธุรกิจให้กับคนรุ่นใหม่ที่มีทั้งความฝันและความตั้งใจที่จะดำเนินธุรกิจและต่อยอดให้เกิดขึ้นจริง เราต้องการให้กลุ่มสตาร์ทอัพสามารถแจ้งเกิดและเติบโตได้อย่างมีศักยภาพระหว่างการแข่งขัน รวมทั้งพัฒนาผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมใหม่ๆ ซึ่งส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจและเป็นรากฐานสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทยในระยะยาว ตามนโยบายของภาครัฐ” นายยงยุทธ กล่าว
นายยงยุทธ กล่าวว่า จากการเปิดรับสมัครผู้สนใจเข้าร่วมโครงการผ่านช่องทางออนไลน์ http://angelfund.dip.go.th ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2561 ปรากฎว่า ได้รับการตอบรับจากผู้ประกอบการเป็นอย่างดี โดยมีผู้ประกอบการเข้าร่วมสมัครมากกว่า 100 ทีม ซึ่งทางเดลต้า และกสอ. ได้ทำการคัดเลือกผู้ผ่านการคัดเลือกในรอบแรก เหลือจำนวนทั้งสิ้น 55 ทีมแบ่งเป็น แนวคิด Green Solution For Thailand 4.0 จำนวน 29 ทีม และแนวคิด Advancing Thailand’s Industry with AI Solution จำนวน 26 ทีม จากนั้นเดลต้า และกสอ. ได้จัดฝึกอบรมให้กับผู้ที่ผ่านการคัดเลือกรอบแรก ในการทบทวนกระบวนการคิดเชิงธุรกิจ และการเขียนแผนธุรกิจเป็นระยะเวลาแนวคิดละ1 สัปดาห์ เพื่อให้แผนธุรกิจของผู้ประกอบการมีความชัดเจน ตรงประเด็น และจับต้องได้มากยิ่งขึ้น หลังจากนั้นจึงเสนอให้กับคณะกรรมการจากทางเดลต้า ผู้ทรงคุณวุฒิจากกสอ. และอาจารย์ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันการศึกษาในช่วงต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา เพื่อพิจารณาตัดสินทีมที่เหมาะสมสำหรับการแข่งขันครั้งนี้โดยเตรียมประกาศผลทีมผู้ชนะในช่วงเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้ ณ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม
ทั้งนี้เกณฑ์การตัดสินประกอบด้วยกันทั้งหมด 5 ด้าน คือ 1. ผลิตภัณฑ์และบริการมีนวัตกรรมความแปลกใหม่ 2. การตอบความต้องการของลูกค้าเป้าหมายได้ 3. ความเป็นไปได้ในเชิงธุรกิจ 4. ขนาดของธุรกิจน่าสนใจ (Market Size) และ 5. ภาพรวมในการนำเสนอ
“แผนธุรกิจของผู้สมัครในปีนี้ ถือว่ามีความน่าสนใจกว่า 2 ปีที่ผ่านมาอย่างมาก เนื่องจากแผนธุรกิจที่ผู้สมัครนำมาเสนอมีความกระชับ ตรงประเด็น และมีความเป็นไปได้ในทางธุรกิจมากกว่าปีก่อน รวมทั้งมีความใกล้เคียงกับธุรกิจของเดลต้า ซึ่งถือเป็นเรื่องที่เราสนใจ เพราะนอกเหนือจากการให้ทุนสนับสนุนแล้ว เดลต้าสามารถเข้าไปเป็นพี่เลี้ยงและช่วยสนับสนุนในด้านอื่นๆ ที่ไม่ใช่แต่เพียงตัวเงินให้ตรงจุดมากขึ้น อาทิ การจัดหาคู่ค้า การผลักดันเข้าสู่ห่วงโซ่คุณค่า (Supply Chain) ของเดลต้าและพันธมิตรทางธุรกิจ หรือเข้าไปช่วยพยุงให้ธุรกิจที่เกิดขึ้นใหม่สามารถเดินหน้า และเติบโตต่อไปในอนาคต สอดรับกับนโยบาย BIG BROTHER ของกระทรวง” นายยงยุทธ กล่าวเพิ่มเติม
ด้านนายวิจักขณ์ รัตนสุวรรณ ผู้อำนวยการกองส่งเสริมผู้ประกอบการและธุรกิจใหม่ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) กระทรวงอุตสาหกรรรม กล่าวว่า โครงการนี้ถือเป็นความร่วมมือระหว่าง เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ กับ กสอ. ซึ่งจัดขึ้นต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 โดยสิ่งที่ทางกสอ. มุ่งเน้นไม่ใช่เป็นเพียงการประกวดเพื่อมอบรางวัลให้กับไอเดีย หรือแผนธุรกิจที่ดูดี แต่ดูว่า แผนธุรกิจที่ได้รับการสนับสนุนเรื่องเงินทุนและองค์ความรู้ต่างๆ จะต้องนำไปใช้ได้จริงและอยู่รอดได้ ซึ่งหลังจากผ่านไป 3 เดือน 5 เดือน หรือ 1 ปี ธุรกิจดังกล่าวต้องสามารถดำเนินกิจการต่อไปได้ แม้ว่าทาง กสอ. จะเสร็จสิ้นภารกิจในฐานะคณะกรรมการตัดสินเพียงเท่านี้ แต่กสอ. พร้อมที่จะเป็นพี่เลี้ยงเพื่อดึงเหล่าผู้ประกอบการใหม่และสตาร์ทอัพที่ผ่านการคัดเลือกในโครงการนี้ เพื่อจัดเก็บในฐานข้อมูลของกสอ. สามารถนำไปผลักดันและพัฒนาต่อยอดในอนาคตได้ โดยเชื่อมโยงกับสถาบันการเงินและแหล่งเงินทุนที่เป็นพันธมิตรกับกสอ. อีกทั้งกระทรวงอุตสาหกรรม มีมาตรการด้านการเงินที่สนับสนุนผู้ประกอบการใหม่ที่มีนวัตกรรมที่น่าสนใจ ผ่านสินเชื่อ Micro SMEs วงเงิน 8,000 ล้านบาท ดอกเบี้ย 1% วงเงินกู้ไม่เกิน 1 ล้านบาท ตลอดจนมีศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรม (ITC) อยู่เกือบ 23 แห่งทั่วประเทศ ที่สามารถช่วยเหลือผู้ประกอบการให้ยืนได้ด้วยตนเองและประสบความสำเร็จต่อไปได้